วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

บทความเทิดพระเกียรติฯ NO.2


พระผู้ทรงเป็นที่พึ่งของปวงชนชาวไทย
     จอมพลหญิง จอมพลเรือหญิง จอมพลอากาศหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตลอดระยะเวลาแห่งการดำรงพระอิสริยยศ “พระราชินี” จนถึง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจน้อยใหญ่นานัปการทั้งในฐานะ “พระผู้ทรงเป็นที่พึ่งของปวงชนชาวไทย” และในฐานะ “คู่บุญคู่พระราชหฤทัย” ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ ทั้งโดยตามเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปทรงเยี่ยมราษฎรในชนบททั่วทุกภูมิภาค แม้ตรากตรำพระวรกาย เนื่องจากการคมนาคมในสมัยนั้น ยังไม่สะดวกสบายเหมือนในปัจจุบัน ก็มิได้ทรงย่อท้อแต่อย่างใด...

ภาพพระอิริยาบถของสองพระองค์เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดาร ท่ามกลางความร้อนระอุจน พระเสโทหยาดหยดลงที่ปลายพระนาสิกของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และภาพ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงคุกพระชงค์ทักทายกลุ่มหญิงชาวบ้าน หรืออุ้มเด็กน้อยพิการ ฯลฯ เป็นภาพที่ปรากฏขึ้นในห้วงแห่งความทรงจำของพสกนิกรทุกหมู่เหล่าซึ่งต่างสำนึกอยู่เสมอว่านี่คือ
     พระมหากรุณาธิคุณของพ่อแม่แห่งแผ่นดินที่ทรงสละความสุขส่วนพระองค์ลงมาหาประชาชนด้วยพระเมตตาอันใหญ่หลวง
     พระราชกรณียกิจด้าน ความมั่นคงของประเทศชาติ เป็นพระราชกรณียกิจที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ มิได้ทรงละเลย ทรงสนพระราชหฤทัยห่วงใย และทรงงานอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง ในฐานะที่ทรงเป็นประมุขของประชาชนชาวไทย พระองค์ได้ทรงปฏิบัติ พระราชกรณียกิจเพื่อทะนุบำรุงและปกป้องรักษาประเทศชาติ มีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินไป ทรงเยี่ยมทหาร ตำรวจ ราษฎรอาสาสมัคร จนถึงฐานปฏิบัติการ ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่อันตรายเพียงใดก็ตาม ได้พระราชทานถุงของขวัญ ประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น พระราชทานกำลังใจ และมีหลายครั้งที่ทหารถูกโจมตีได้รับบาดเจ็บสาหัส ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมถึงโรงพยาบาล พระมหากรุณาธิคุณจึงเป็นที่ประจักษ์ชัดเฉกเช่นกับพระราชกรณียกิจด้านอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ทางราชการทหารจึงได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตน้อมเกล้าฯ ถวายพระยศแด่ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงเป็น พันเอกผู้บังคับ การพิเศษ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ และ นายทหารพิเศษของกรมทหารราบที่ 1มหาดเล็กรักษาพระองค์ จากนั้นก็ได้ขอพระราชทานน้อมเกล้าฯ ถวายพระยศเพิ่มขึ้น จนถึงพระยศ พลเอก พลเรือเอก และพลอากาศเอก ใน พ.ศ.2530
     ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากทรงห่วงใยไปถึงทหาร ตำรวจ ราษฎรอาสาสมัครทั้งหลายที่ต้องประสบเคราะห์ร้ายจากการป้องกันประเทศชาติ จึงมีพระราชดำริให้หาทางช่วยเหลือ ดังนั้น ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2518 อันเป็นวันคล้ายพระราชสมภพใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเลี้ยงแก่ทหาร และตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจนพิการ จากโรงพยาบาลต่างๆ ณ ศาลาดุสิตาลัย และได้ทรงริเริ่มก่อตั้ง “มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์” ขึ้น โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เป็นประธานมูลนิธิ
     สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนหนึ่งเป็นทุนเริ่มแรกและได้มีผู้มีจิตศรัทธาทูลเกล้าฯ ถวายเงินสมทบโดยเสด็จพระราชกุศลอีกเป็นจำนวนมาก มูลนิธิสายใจไทยฯ นี้มีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนอาสาสมัครที่บาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต
     จากการปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันประเทศชาติ โดยให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน หรือส่งเสริมอาชีพแก่ครอบครัวหรือตัวผู้ประสบเคราะห์ร้ายนั้น เพื่อให้เขาเหล่านั้นตระหนักว่าแม้จะพิการ หรือเสียชีวิต เขาหรือครอบครัวของเรามิได้ถูกทอดทิ้ง ซึ่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในตำแหน่งประธานมูลนิธิฯ ได้อย่างเข้มแข็งยิ่ง
     พระมหากรุณาธิคุณใน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มิได้แผ่ปกป้องเฉพาะปวงชนชาวไทยเท่านั้น หากแต่ยังทรงปกแผ่ไปถึงประชาชนของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ชาวกัมพูชาอพยพลี้ภัยเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในดินแดนประเทศไทย แถบจังหวัดตราด จันทบุรี และปราจีนบุรี มีพระราชศรัทธาและพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยมิได้ทรงเลือกเชื้อชาติ ศาสนา หรือ เผ่าพันธุ์ พระปรีชาสามารถและพระวิริยะอุตสาหะที่ทรงทุ่มเทอุทิศกำลังพระวรกาย พระสติปัญญา พระราชทรัพย์ใน พระราชกรณียกิจต่างๆ เพื่อเกื้อกูลประโยชน์สุขของพสกนิกรนั้น ได้ตราตรึงอยู่ในหัวใจคนไทยทั้งชาติ และหยั่งลึกลงเป็นรากฐานแห่งความจงรักภักดีแด่พระบรมราชจักรีวงศ์เป็นผลให้เกิดความมั่งคง และนำศานติสุขมาสู่ปวงชนชาวไทย
     นับได้ว่า เป็นบุญของชาติและประชาชนชาวไทย ที่มี สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เพียบพร้อมด้วยคุณลักษณะแห่งรัตนนารีโดยแท้ พระองค์มิได้ทรงเป็นพระบรมราชินีที่มีพระสิริโฉมเท่านั้น หากแต่ยังทรงพระปรีชาเชี่ยวชาญในกิจการต่างๆ ซึ่งปรากฏผลเป็นที่ประจักษ์แก่ปวงชนมาโดยตลอด ทรงยึดมั่นใน พระบวรพระพุทธศาสนา พระคุณธรรม พระปัญญาคุณ และพระเมตตากรุณาคุณ ซึ่งทรงดำรงไว้มั่นคงตลอดมา เป็นปัจจัยส่งเสริมให้พระเกียรติคุณขจายขจรไปทั่วในประเทศและนานาประเทศทั่วโลก อาจกล่าวได้ว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ของชาติไทย เป็นพระบรมราชินีที่ทรงได้รับการสรรเสริญพระเกียรติคุณจากนานาประเทศอย่างกว้างขวาง และเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งอยู่ทุกวันนี้ ขอพระองค์..ทรงพระเจริญ.

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น