วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

บทความเทิดพระเกียรติ No.10

“พระราชินี ผู้ปลูกฝันในใจไทย”

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ไปทุกหนแห่งด้วยพระวิริยะอุตสาหะ จนอาจกล่าวได้ว่า ไม่มีที่แห่งใดบนผืนแผ่นดินไทยที่ทั้งสองพระองค์ไม่เคยเสด็จฯ ไปถึง ทรงเพียรพยายามทุกวิถีทางที่จะรับรู้ถึงความเดือดร้อนและความต้องการของราษฎร เพื่อพระราชทานความช่วยเหลือได้อย่างสอดคล้องกับสภาพปัญหาแท้จริง ทรงเริ่มตั้งแต่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ตลอดจนวางรากฐานการพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน ปรัชญาการทรงงานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทำตามและยึดแนวพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เป็นหลัก โดยตั้งอยู่บนพื้นฐาน สำคัญ 5 ประการ คือ ...
(1) ทรงให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาในระดับพื้นฐานของประเทศ อันได้แก่ ชนบท และเกษตรกร ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารของประเทศ
(2) ทรงเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีคนเป็นศูนย์กลาง 
(3) ทรงให้ความสำคัญกับโอกาสของราษฎรที่จะได้รับการพัฒนาและมีส่วนร่วมในการพัฒนา โดยทรงมั่นพระทัยว่าราษฎรนั้นมีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว เพียงแต่ให้โอกาสพวกเขาได้แสดงออก 
(4) ทรงเน้นการพัฒนาด้านจิตใจของคนในชาติ เพื่อปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และ 
(5) ทรงให้ความสำคัญกับการทรงงานพัฒนาเพื่อส่งเสริมงานพัฒนาหลักของรัฐบาล
เป้าหมายสำคัญในการทรงงานของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ คือ
ความอยู่ดีมีสุขของประชาชน และความสงบร่มเย็นของประเทศชาติ
ดังที่ได้พระราชทานพระราชดำรัสว่า “กำไรของแผ่นดิน” คำนี้
ได้พระราชทานไว้เมื่อผู้ถวายงานในโครงการฟาร์มตัวอย่างกราบบังคมทูลว่า ได้จ้างชาวเขามาทำงานในฟาร์มตัวอย่างที่บ้านขุนแตะ จังหวัดเชียงใหม่ เพียง 40 คน ถ้าจ้างคนงานมากๆ อาจจะต้องขาดทุน เพราะผลผลิตยังน้อยอยู่ พระองค์มีพระราชดำรัสว่า 
อย่ามาพูดเรื่องกำไรขาดทุนกับฉันนะ ฉันต้องการให้คนจนมีงานทำมากๆ ขาดทุนของฉันคือกำไรของแผ่นดิน
...ดังนั้น   กำไรของแผ่นดิน คือ การที่ทำให้คนยากจนในชุมชนนั้นๆมีงานทำ มีรายได้ไปเลี้ยงครอบครัวไม่ต้องไปเป็นโจรขโมย หรือยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด รวมทั้งไม่ตัดไม้ทำลายป่า ชุมชนนั้นจะมีความสุขความสงบ หากทุกชุมชนเป็นเช่นนี้ ก็จะแผ่วงกว้างเป็นความสุขความสงบของตำบล อำเภอ จังหวัด และประเทศชาติ

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงอุทิศพระองค์ ทรงสละเวลาและพระราชทรัพย์เพื่อบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ที่เกิดประโยชน์ครอบคลุมทั้งคน สัตว์ พืช ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมนานาประการ ทรงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันในการดำรงชีวิตระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ อย่างยากที่จะหาผู้ใดเทียบได้
พระราชกรณียกิจต่างๆ ล้วนเป็นแบบอย่างที่ดียิ่งในการช่วยพลิกฟื้นความอุดมสมบูรณ์และสร้างระบบความสมดุลแห่งธรรมชาติให้คืนสู่แผ่นดิน จากพื้นที่ที่เคยร้อนระอุแห้งแล้งกลับกลายเป็นผืนแผ่นดินเขียวชอุ่ม สดใสด้วยพฤกษานานาพันธุ์ และสีสันของเหล่าสัตว์ป่านานาชนิด
ที่สำคัญคือ ทรงพยายามปลูกจิตสำนึกในใจคนให้รัก หวงแหน และผูกพันในทรัพยากรธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อมไว้ให้คงอยู่บนผืนแผ่นดินให้มากที่สุดและนานที่สุด
...เพื่อเป็นการตอบแทนคุณของแผ่นดิน ด้วยทรงตระหนักว่าน้ำและทรัพยากรธรรมชาติหลาก หลาย เป็นประดุจขุมทรัพย์อันล้ำค่ายิ่งของประเทศไทยและผืนแผ่นดินไทย สมควรจะอนุรักษ์ไว้ให้เป็นสมบัติของลูกหลานไทยตลอดไป ดังพระราชดำรัส ความตอนหนึ่งว่า 
“...ชาวไทยทุกคนจะต้องเข้าใจว่า การอนุรักษ์นี้มิใช่จะไปขัดขวางการพัฒนา แท้ที่จริงแล้วการพัฒนาระยะยาวกลับจะสำเร็จได้ ก็ด้วยการอนุรักษ์ที่ถูกต้อง เราทั้งหลายคงไม่ลืมตัวอย่างที่พลโลกบางประเทศ ต้องอดอยากล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการไม่สงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาตินั่นเอง...

โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ถือเป็นแบบอย่างอันดีที่ตอกย้ำถึงพระวิสัยทัศน์อันยาวไกลของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ โดยได้พระราชทานไว้เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ยากจนให้มีที่อยู่อาศัยและรู้จักใช้ที่ดินที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้สร้าง ฟาร์มตัวอย่าง ขึ้นในจังหวัดต่างๆ เพื่อช่วยสร้างชีวิตใหม่ให้ผู้ตกงาน ชาวบ้านที่ยากจน หรือผู้ที่เลิกยาเสพติด ได้มีงานทำ
นอกจากนี้ ยังได้พระราชทาน โครงการธนาคารอาหารชุมชน เพื่อเป็นแหล่งอาหารของชุมชน ช่วยให้ราษฎรมีรายได้เสริมที่มั่นคง มีน้ำใจ รู้จักการให้ รักใคร่สามัคคี ช่วยเหลือแบ่งปันซึ่งกันและกัน ส่งผลให้อยู่ดีมีสุขอย่างพอเพียง ถือเป็นการน้อมนำ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานแก่ประชาชนเพื่อนำมาใช้เป็นหลักในการดำรงชีวิตสู่ความสุขที่ยั่งยืน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นพระราชินี ผู้ปลูกฝันในใจไทยอย่างแท้จริง.
ข่อมูล:สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ
<<.....................................................................>>